ซีรีย์จีน ย้อนยุค โรแมนติก
ซีรีย์จีน หมอเทพเทวดา (God of Medicine) เดิมทีเทวดาเป่าเซิงต้าตี้เป็นแพทย์เทพยดารวมทั้งผู้บำเพ็ญเต๋า นาม “อู๋เทา” หงอโถ (คำเรียกในทางเต๋าเป็น “อู๋เจินเหริน”) มีชีวิตอยู่ในปี คริสต์ศักราช 979-1036 (พุทธศักราช 1522-1579) ยุควงศ์สกุลซ่งเหนือ ตลอดชีพของท่านได้อุทิศตนให้กับการบำเพ็ญเต๋า เก็บสมุนไพร ฝึกซ้อมแพทยศาสตร์ แล้วก็ช่วยเหลือผู้คนนับไม่ถ้วน ข้างหลังท่านเสียชีวิตผู้คนก็เลยพากันสักการะท่านในฐานะเทวดา (ตำนานเล่าว่าท่านเสร็จเป็นเซียน) รวมทั้งต่างขอพรให้ตนมีสุขภาพดี แคล้วคลาดปลอดภัย หรือขอให้ท่านช่วยขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ ดังนี้ ทางตอนใต้ของบริเวณฝูเจี้ยน เมืองจีน แล้วก็ที่ประเทศจีนไต้หวัน มีศาลเจ้าของท่านหลายร้อยที่
ส่วนประเทศไทยสามารถบูชาขอพรเทวดาเป่าเซิงต้าตี้พอดี “ศาลเจ้าหงอจิ้นหยิน” หรือ “ศาลเจ้าท่าเรือ” อำเภอ ถลาง จังหวัด จังหวัดภูเก็ตรายละเอียดในละครเอ๋ยถึงภารกิจของ “อู๋เทา” (เทวดาเป่าเซิงต้าตี้) ที่จำเป็นต้องปั้นลูกศิษย์ใช้การไม่ได้อย่าง “เหรินเออร์จวี่” ให้เป็นแพทย์เทพดาที่มีความดีเพื่อจะได้กลับไปเป็นเซียนเหมือนเดิม ซ้ำยังจำเป็นต้องต่อกรกับแผนเลวทรามของจอมภูติผีอย่าง “เวินจวิน” แล้วก็จำเป็นต้องรักษาผู้ป่วยในช่วงเวลาเดียวกัน (เวินจวินกับอู๋เทาเคยเป็นลูกศิษย์ร่วมสำนักที่เรียนแพทยศาสตร์มาด้วยกัน แต่ว่าคราวหลังเปลี่ยนเป็นศัตรูคู่อริที่ต่อสู้กันมานานนับพันปี เวินจินอยากแพร่โรคระบาดเพื่อล้างผลาญโลก แต่ว่าอู๋เทาปรารถนารักษาแล้วก็ป้องกันชีวิตมนุษย์)
ละครประเดิมขึ้นในศาลเจ้าฉือจักจี้ (ฉือจักจี้กง) ซึ่งมี “เป่าเซิงต้าตี้” เป็นเทวดาประธาน ซีรีย์จีน แล้วก็มีผู้คนมากมายราบไหว้ขอพรจำนวนไม่ใช่น้อย หนึ่งในนั้นเป็นเธอ “ซานหง” ที่มาอธิษฐานขอเซียมซีเสี่ยงยา (เป็นการเสี่ยงทายขอยาจากเทวดาเป่าเซิงต้าตี้ ซึ่งในใบเซียมซีจะเจาะจงตำรับยา แล้วก็กรรมวิธีปรุงยา กล่าวได้ว่าเป็นใบสั่งยาของทวยเทพเทวดา) ข้างหลังได้ใบเซียมซีที่เจาะจงตำรับยาตรงกับโรคภัยพอดิบพอดี คุณก็เลยออกไปรับยาสมุนไพรข้างหลังศาลเจ้า พอเจอ “อู๋เทา” (เทวดาเป่าเซิงต้าตี้ในร่างมนุษย์) คุณเลยวานให้เขาช่วยจัดยาให้
พอเพียงมองเห็นเขาถือสมุนไพรใส่เต็มกระเช้าคุณเลยไม่ค่อยสบายใจว่าจะจ่ายไม่ไหว ครั้นเมื่อทราบว่าตรงนี้รักษารวมทั้งจ่ายยาให้ราษฎรโดยไม่คิดเงินคุณก็กระปรี้กระเปร่าดวงใจแต่ว่าผู้ที่ไม่สบอารมณ์เป็นเจ้าขุนมูลนายที่ดูแลทางการแพทย์และก็ยาในพื้นที่ นาม “เหรินเออร์จวี่” เขานำกำลังเดินทางมาจับอู๋เทา โดยยัดเยียดข้อหาว่าอู๋เทาเป็นหมอเถื่อน ประกอบกิจการโดยไร้ใบอนุญาต ปลอดภาษี ซ้ำยังปิดทางหาเลี้ยงชีพของร้านขายยาด้วยการจ่ายยาฟรี (เออร์จวี่รับสินบนจากร้านขายยา) อู๋เทาชี้ว่าตนมิได้ประกอบการค้าก็เลยไร้ใบอนุญาต
และก็ที่ปลอดภาษีเพราะเหตุว่าไม่มีรายได้ แม้กระนั้นเออร์จวี่ยืนกรานว่าจะจับอู๋เทาดังที่ร้านขายยาร้องทุกข์ ซานหงมีความเห็นว่าไม่ยุติธรรมก็เลยต่อยหน้าเออร์จวี่จนกระทั่งหงายเงิบ หมายให้ตนมีความผิดจะได้โดนจับตัวไปพิพากษาพร้อมอู๋เทา (คุณอยากเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ให้อู๋เทา) เออร์จวี่มีความคิดเห็นว่าศาลเจ้ามีคนคนเยอะก็เลยคิดนำตัวอู๋เทาและก็ซานหงมาวินิจฉัยประจานที่หน้าศาลเจ้า แต่ว่าแล้วอยู่ๆก็กำเนิดลมผันแปร อู๋เทาบอกให้ทุกคนรีบหนีเนื่องจากว่าอสุรกายกำลังจะออกก่อกวน แต่ว่าเออร์จวี่ไม่เชื่อก็เลยไม่ยินยอมแอบหนี
ขณะเดียวกันนั้น “ไป๋หู่” (เสือขาว) ก็ปรากฏกายรวมทั้งรังแกลูกน้องของเออร์จวี่ ก่อนโจนตะครุบเออร์จวี่ซึ่งๆหน้าอู๋เทาแล้วก็ซานหง ครั้นเมื่อมองเห็นอู๋เทาใช้อำนาจศักดิ์สิทธิ์จัดแจงไป๋หู่ (เขายืมปิ่นของคุณมาซัดใส่ไป๋หู่) ซานหงก็เลยทราบว่าเขาไม่ใช่คนเดินดินแม้กระนั้นเป็นเซียน แล้วก็ทายใจออกโดยทันทีว่าเขาเป็นเทวดาเป่าเซิงต้าตี้ตัวเป็นๆต่อจากนั้นไม่นาน “เฮยหลง” (มังกรดำ) ก็บุกมาก่อกวนที่หน้าศาลเจ้า อู๋เทาก็เลยยืมตุ้มหูของซานหงแล้วขึ้นไปปราบเฮยหลงกลางอากาศ ข้างหลังโดนตุ้มหูซัดเข้าที่เข้าทางตาทั้งสองข้างเฮยหลงเลยจำเป็นต้องถอย
เรื่องทั้งปวงล้วนอยู่ในสายตาของ “เวินจวิน” ไป๋หู่กับเฮยหลงพาร่างอันบอบช้ำกลับมาให้เวินจวินช่วยรักษา (เฮยหลงหูหลงตาบอดทั้งสองข้าง) แต่ถูกเวินจวินต่อว่าต่อขานรวมทั้งขับไล่โทษฐานสถานที่สำหรับทำงานไม่เป็นผลสำเร็จเออร์จวี่สั่งให้ลูกน้องนำตัวอู๋เทามารักษารอยแผล (รอยอุ้งเล็บเสือ) บนบริเวณใบหน้าตนข้างหลังไม่มีแพทย์คนใดกันรักษาให้ได้ อู๋เทาย้อนว่าตนเป็นเพียงแค่หมอเถื่อนก็เลยไม่บางทีอาจช่วยได้ เออร์จวี่ก็เลยข่มขู่ว่าหากไม่ช่วยรักษาจะโดนยัดข้อกล่าวหาเพิ่ม อู๋เทากล่าวถึงว่าตนกลัวกระทั่งขาสั่นเลยหมดแรงรักษา
เออร์จวี่เพียรพยายามกินสินบนแต่ว่าอู๋เทา ซีรีย์จีน ไม่ยอมรับเพราะเหตุว่าไม่ต้องการที่จะอยากเงิน อู๋เทามีความเห็นว่าเออร์จวี่ไม่มีความรู้ความรู้ความเข้าใจ ขาดศีลธรรม ซ้ำยังไม่เคยทราบจำแนกดีเลวทราม ก็เลยยื่นข้อเสนอให้เออร์จวี่ลาออกจากการเป็นเจ้าขุนมูลนาย เออร์จวี่ครวญว่ากว่าตนจะได้งานนี้จะต้องเสียตังค์ไม่ใช่น้อย ครั้นเมื่อกล่าวดีๆแล้วไม่เป็นผล เออร์จวี่ก็เลยข่มขู่ด้วยน้ำเสียงดุเดือดว่าจะจับอู๋เทาไปขังตาราง อู๋เทาเลยขอตัวไปจำคุก ก่อนเตือนเออร์จวี่ให้รีบรักษาแผลบนบริเวณใบหน้า ไม่เช่นนั้นจะจนแต้มแก้ไข เออร์จวี่ไม่มีวันเลือกเลยตกปากรับคำว่าจะลาออกข้างหลังแผลหาย
ซานหงไต่บันไดขึ้นไปซ่อมแซมหลังคาศาลเจ้าแล้วก็แทบพลัดหล่น โชคดีที่อู๋เทาคว้าข้อมือคุณไว้ได้ทัน ซานหงมานะบีบให้อู๋เทาสารภาพว่าเขาเป็นเทวดาเป่าเซิงต้าตี้ แต่ว่าอู๋เทาไม่รับและก็แกล้งทำเป็นแกล้งไม่รู้เรื่อง ข้างหลังซานหงก้าวพลาดจนกระทั่งตกจากหลังคาจริงๆอู๋เทาก็เลยรีบตามลงไปรับคุณ ปรากฏว่าซานหงตกลงไปทับเฮยหลงกับไป๋หู่ ที่จริงเฮยหลงพาไป๋หู๋ซึ่งเป็นคู่รักมาให้อู๋เทาช่วยรักษาโดยขอแลกเปลี่ยนกับชีวิตของตัวเอง อู๋เทาเห็นแก่ความรักของทั้งสองก็เลยช่วยรักษาด้วยการใช้ความกรุณาปรานี
เฮยหลงกับไป๋หู่สำนึกในพระคุณก็เลยเปลี่ยนร่างร่างเป็นมนุษย์แล้วยอมสวามิภักดิ์ต่ออู๋เทา ซานหงไม่วางใจสองภูติผีก็เลยติเตียนอู๋เทาที่ใจอ่อนเกินความจำเป็นข้างหลังรู้ข่าวสารว่าเฮยหลงกับไป๋หู่บุกมาก่อกวนที่หมู่บ้านชิงเจียว “เง็กเซียนฮ่องเต้” ก็เลยส่ง “หลี่เทียนชั้นหนึ่ง” มาจับกุมทั้งสอง (“หลี่เทียนยอด” เป็นชื่อตำแหน่งของแม่ทัพสรวงสวรรค์นาม “หลี่จิ้ง” มีเจดีย์เจ็ดชั้นเป็นอาวุธคู่กาย) อู๋เทาชี้ว่าเฮยหลงกับไป๋หู่กลับเนื้อกลับตัวแล้วและไม่ยอมส่งตัวทั้งสองให้หลี่เทียนชั้นหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายก็เลยต่อสู้กัน อู๋เทาหลอกให้หลี่เทียนชั้นหนึ่งหลงผิดมีความคิดว่าจับเฮยหลงกับไป๋หู่มาขังเอาไว้ภายในเจดีย์ได้เสร็จ แล้วต่อจากนั้นก็เลยส่งเฮยหลงกับไป๋หู่ไปดูเออร์จวี่ที่พึ่งหายดี
แม้กระนั้นพอเพียงทั้งสองไปถึงกลับต้องมาพบว่าเออร์จวี่ไม่รักษาข้อตกลง ซีรีย์จีน อีกทั้งไม่รู้บุญคุณของอู๋เทา หากแม้ปวดศรีษะหนักครั้งใดก็ตามนำหมวกเจ้าขุนมูลนายมาสวม แต่ว่าเขายังคงเอาแต่ใจว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่งพอถูกเวินจวินเย้ยว่าทำให้นายใหม่ลำบาก เฮยหลงกับไป๋หู่ก็เลยบุกขึ้นเขาสรวงสวรรค์ด้วยความห่วงคุณครู ขณะนั้นอู๋เทาซึ่งอยู่ในสถานะเทวดาเซียน (เทวดาเป่าเซิงต้าตี้) กำลังเข้าเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ที่ท้องพระโรงสรวงสวรรค์ เทวดา “ไท่ไป๋จินสิง” (เทวดาประจำดาวศุกร์) ซึ่งเป็นผู้จะรับผิดชอบคดีของเวินจวิน
รายงานเง็กเซียนฮ่องเต้ว่า เหตุที่เพิ่งจะเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์เป็นความไม่ถูกของเฮยหลงกับไป๋หู่ อู๋เทารีบแจกแจงว่าเฮยหลงกับไป๋หู่เป็นเพียงแต่วัสดุของเวินจวิน ครั้นเมื่อมองเห็นเฮยหลงกับไป๋หู่บุกมามอบตัวบนท้องพระโรงสรวงสวรรค์อู๋เทาก็ทั้งที่ยังไม่ตายห่วงแล้วก็สะดุ้ง เง็กเซียนฮ่องเต้สั่งให้ “เหลชูง” (ทวยเทพเทวดาที่สายฟ้า) ลงอาญาเฮยหลงกับไป๋หู่ อู๋เทาก็เลยขอให้เง็กเซียนฮ่องเต้ถอดตนจากการเป็นเซียนเพื่อชดใช้โทษให้สองภูติผี เทวดาไท่ไป๋ได้ยินด้วยเหตุนั้นก็รู้สึกตระหนกตกใจก็เลยขอให้อู๋เทาตรึกตรองมองใหม่
แม้กระนั้นอู๋เทาไม่ยึดติดกับการเป็นเซียนก็เลยไม่เคยทราบสึกเสียดาย (แรกเริ่มเขาเป็นเพียงแค่มนุษย์ปกติ ข้างหลังตกเขาเสียชีวิตขณะเก็บสมุนไพร เขาก็เลยเปลี่ยนเป็นเทวดาเซียน) ครั้นเมื่อมองเห็นอู๋เทาตั้งมั่นแน่แน่ว เง็กเซียนฮ่องเต้ก็เลยส่งอู๋เทากลับไปเป็นมนุษย์สุดท้ายเออร์จวี่ก็ทนไม่ได้ (ใส่หมวกเจ้าขุนมูลนายแล้วปวดศีรษะ) เลยจำเป็นต้องลาออกจากการเป็นเจ้าขุนมูลนาย เขารู้สึกอึดอัดใจก็เลยมาก่อกวนที่ศาลเจ้าฉือจี๋ในภาวะเมาแอ๋ (เฮยหลงกับไป๋หู่เคยบอกเขาว่า อู๋เทาหมายถึงเทวดาเป่าเซิงต้าตี้) ซานหงมองเห็นเออร์จวี่กำลังจะดูถูกเหยียดหยามองค์เทวดา (รูปปั้นเทวดาเป่าเซิงต้าตี้) ก็เลยใช้ไม้ฟาดหัวเออร์จวี่ อีกด้านหนึ่ง อู๋เทาเพิ่งจะถูกเง็กเซียนฮ่องเต้ส่งคืนมาเป็นมนุษย์
ข้างหลังโผล่ขึ้นมาจากตุ่มใส่น้ำในภาวะแก้ผ้าได้ไม่นาน เทวดาไท่ไป๋ก็ตามเขาลงมา อู่เทาก็เลยยืนคุยกับเทวดาไท่ไป๋ในภาวะล่อนจ้อน ที่จริงเทวดาไท่ไป๋ช่วยต่อรองกับเง็กเซียนฮ่องเต้ให้แล้ว เลยลงมาแนะแนวทางกลับไปเป็นเซียนตามเคย ข้อแม้มีอยู่ว่าอู๋เทาจำเป็นจะต้องฝึกหัดมนุษย์คนหนึ่งให้เป็นแพทย์ทวยเทพที่แกล้วกล้าและก็มีความดี โดยเง็กเซียนฮ่องเต้ได้เลือกคนๆนั้นไว้ให้แล้ว เมื่ออู๋เทาถามคำถามว่าคนผู้นั้นเป็นคนไหน เทวดาไท่ไป๋ก็เลยบอกให้อู๋เทารีบไปที่โถงกึ่งกลางหลักของศาลเจ้าฉือจักจี้ ไปถึงแล้วจะพบผู้ที่ว่ากำลังเคารพบูชาขอพร
ครั้นเมื่อเฮยหลงกับไป๋หู่วิ่งมาหาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย อู๋เทาก็เลยรีบนำผ้ามาพันกาย ซีรีย์จีน ก่อนถามคำถามว่าในเวลานี้ผู้ใดอยู่ที่โถงกึ่งกลางหลัก ครั้นเมื่อได้ยินว่าซานหงอยู่ตรงนั้นอู๋เทาก็รู้สึกโล่งอกเนื่องจากว่าคุณเป็นคนจิตใจดี แต่ว่าเพียงพอไปถึงอู๋เทากลับเจอกับความผิดหวังอย่างแรงเมื่อพบว่าผู้ที่กำลังเคารพบูชาองค์เทวดาเวลากลางดึกไม่ใช่ซานหงแต่ว่าเป็น…เออร์จวี่! แถมเออร์จวี่ยังขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ข้างหลังไม่มีงานทำ อู๋เทาเป็นไปไม่ได้เลือกเลยกัดฟันรับคนใช้การไม่ได้แล้วก็ปลิ้นปลอกอย่างเออร์จวี่เป็นลูกศิษย์ อีกทั้งลั่นคำพูด (แหงนหน้าบอกเง็กเซียนฮ่องเต้) ว่าจะปั้นเออร์จวี่เป็นแพทย์เทพยดาให้ต้องได้
ซ่อนรัก…อดีตใจ (To the Dearest Intruder)
“ซ่งเจียอัน” เป็นเด็กผู้หญิงใสซื่อ สนุกสนานรื่นเริง… ชื่อของคุณมาจากคำว่า “เจีย” (家) ที่แสดงว่า “ครอบครัว” กับคำว่า “อัน” (安) ที่มีความหมายว่า “สุขสงบ” คุณก็เลยหวังให้ครอบครัวสงบสมชื่อ รวมทั้งคนหนึ่งที่คุณรักราวกับคนภายในครอบครัวเป็นคู่หูยุคมัธยม “หลัวเส้าชิง” ส่วนอีกคนเป็น “เหยียนฮ่าว” หวานใจวัยเด็กที่มีความสัมพันธ์รวมทั้งเติบโตมาด้วยกันกับคุณ เขาก็เลยแปลงเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดในชีวิตคุณไปโดยปริยาย เนื่องจากว่าบิดาของเหยียนฮ่าวกับบิดาของจีอันเป็นเพื่อนรักกัน พวกท่านก็เลยต้องการให้ทั้งคู่ได้ครอบครองคู่ นับตั้งแต่นั้นเจียอันเลยมองดูเหยียนฮ่าวเหมือนหนึ่งว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองรวมทั้งมั่นหมายว่าวันใดวันหนึ่งจะสมรสกับเขา ถึงแม้ไม่เคยยอมรับความรู้สึกในใจแต่ว่าคนทั่วทั้งโลกก็รู้ว่าว่าคุณถูกใจเหยียนฮ่าว
ถ้าว่าในสายตาของเหยียนฮ่าวกลับมีเพียงแต่เส้าชิง ในเวลาที่เส้าชิงเองก็ถูกใจเขาเช่นเดียวกัน ทั้งสองเจอรักกันในวันที่เจียอันเดินทางมาเรียนที่ไทเป หากแม้มีใจให้กันแต่ว่าทั้งสองจำต้องปิดบังความรู้สึกเอาไว้เพราะว่าเส้าชิงเป็นเพื่อนรักของเจียอัน ส่วนเหยียนฮ่าวเป็นผู้ที่เจียอันหลงเสน่ห์มานานแล้วก็ฝันต้องการสมรสด้วย ทั้งสองไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจเจียอันก็เลยแกล้งทำเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (เหยียนฮ่าวเคยบอกเจียอันว่าตนถูกใจเส้าชิงแต่ว่าเจียอันหลับก่อนเลยมิได้ยิน ในขณะที่เส้าชิงเคยบอกเป็นนัยๆแต่ว่าเจียอันไม่รู้เรื่อง) ข้างหลังเจียอันกลับบ้านที่ชนบทในตอนปิดภาคเรียน เส้าชิงกับเหยียนฮ่าวก็เลยได้โอกาสสนิทสนมกัน เหยียนฮ่าวอยากให้เส้าชิงเห็นด้วยว่าถูกใจตน
เส้าชิงโต้เถียงว่าเขาเป็นของเจียอันคุณก็เลยไม่บางทีอาจถูกใจเขาได้ ซีรีย์จีน แม้กระนั้นเหยียนฮ่าวยืนกรานว่าเขาถูกใจคุณ เส้าชิงชี้ว่ามันไม่ใช่ง่ายเลยสำหรับเจียอันที่รักมั่นในตัวเขามานานนับเป็นเวลาหลายปี เหยียนฮ่าวสวนกลับฉับไวว่า มันไม่ใช่ง่ายสำหรับตนเช่นเดียวกันที่จำเป็นต้องแกล้งทำเป็นเกลียดคุณ (เส้าชิง) เขาชี้ว่านับตั้งแต่พวกตน (สามคน) เจอกันหนแรก ชะตาชีวิตได้กำหนดไว้แล้วว่าหนึ่งในพวกตนจะเปลี่ยนเป็นบุคคลที่สาม คนๆนั้นบางทีอาจเป็นตนหรือเส้าชิงแต่ว่าไม่ใช่เจียอันแน่ เพราะเหตุว่าในระหว่างพวกตน…เจียอันเป็นเพียงแค่เหยื่อแค่นั้น!
ท้ายที่สุดทั้งสองก็ไม่บางทีอาจอดกลั้น ข้างหลังมีความเกี่ยวพันอันลึกซึ้งในตอนปิดภาคการศึกษา อยู่ๆเส้าชิงก็หนีไปอยู่ที่อเมริกาเฉียบพลันโดยไม่ร่ำลา (ก่อนไปคุณบอกเหยียนฮ่าวเป็นนัยๆว่าฝากดูแลเจียอัน) เมื่อเจียอันกลับมาที่ห้องเช่าก็เลยพบว่าเส้าชิงทิ้งคุณรวมทั้งหยวนฮ่าวโดยไม่บอกเล่า ซ้ำยังลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางทาง วันเดียวกันนั้นเหยียนฮ่าวยังจะต้องสูญเสียบิดาจากอุบัติเหตุ แถมบิดายังทิ้งหนี้สิน (นอกระบบ) ก้อนโตเอาไว้ให้ ตั้งแต่แมื่อวันนั้นเหยียนฮ่าวก็เปลี่ยนเป็นคนเคร่งขรึม ไม่มีซึ่งรอยยิ้ม และไม่เคยเอ๋ยถึงเส้าชิงอีกเลย ในยามที่เหยียนฮ่าวพบเจอวิกฤติชีวิต มีเพียงแค่เจียอันที่รออยู่ใกล้เคียงแล้วก็ร่วมพบเจอความเหนื่อยยากไปร่วมกันกับเขา
ต่อไปเจ็ดปีเจียอันก็เก็บกล้าแล้วขอเหยียนฮ่าวสมรส ข้างหลังเหยียนฮ่าวชำระหนี้จนกระทั่งหมดทั้งสองก็สมรสกัน แม้กระนั้นแล้วอยู่ๆเส้าชิงก็กลับมาข้างหลังหายหน้าหายตาไปนานสิบปีพอพบว่าเหยียนฮ่าวปราศจากความสุขข้างหลังสมรส ประกอบกับหลายปีก่อนหน้านี้ทั้งยังคุณแล้วก็เหยียนฮ่าวต่างยังคงคร่ำครวญหารวมทั้งมีสายสัมพันธ์ต่อกัน ถ่านไฟเก่าก็เลยเริ่มลุก ท้ายที่สุดเหยียนฮ่าวกับเส้าชิงก็ลอบมีความเกี่ยวเนื่องลับหลังเจียอัน เหยียนฮ่าวตระเตรียมหย่ากับเจียอันเพื่อสมรสใหม่กับสตรีผู้เดียวที่เขารักอย่างเส้าชิง วันที่เหยียนฮ่าวซื้อแหวนสมรสให้เส้าชิง เขาไม่เคยทราบว่าเจียอัน (ซึ่งอยู่ในระหว่างแนวทางการทำทารกหลอดแก้ว) เดินตามข้างหลังมา เวลาที่เหยียนฮ่าวยกแหวนอวดเส้าชิงซึ่งอยู่อีกฟากฝั่งถนนหนทาง
อยู่ๆก็มีผู้ร้ายเข้ามาชิงแหวนแล้วก็ยิงเขาเฉพาะหน้าเจียนอันกับเส้าชิง ข้างหลังล่วงเลยความเป็นความตายมาได้การทรงจำของหยวนฮ่าวก็หายไปในขณะที่เหยียนฮ่าวพักรักษาตัว เจียอันรอดูแลเขาไม่ห่าง คุณสร้างความจำใหม่ให้เขาโดยกล่าวว่าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาพวกตนเป็นคู่สมรสที่ครองรักกันอย่างสุขสบาย ต่อจากนั้นในสายตาของเหยียนฮ่าวก็มีแต่ว่าศรีเมียอย่างเจียอัน ทำให้ช่องว่างระหว่างเจียอันกับเหยียนฮ่าว (ที่เคยมีก่อนหน้า) แคบลงเรื่อยเส้าชิง (ซึ่งบากบั่นรื้อฟื้นความจำในสมัยก่อนของเหยียนฮ่าว) อีกทั้งริษยาแล้วก็เศร้าใจมากมาย
จากนั้นความจำของเหยียนฮ่าวก็เริ่มคืนกลับมา ถึงแม้เป็นความทรงจำสั้นๆที่ไม่ปะติดปะต่อ แต่ว่าทั้งผองล้วนเกี่ยวกับเส้าชิง ซึ่งเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจว่าเพราะเหตุไรในหัวถึงปราศจากความทรงจำเกี่ยวกับเจียอันเลย สุดท้ายเจียอันก็ทราบดีว่าก่อนเผชิญอุบัติเหตุหยวนฮ่าวคิดที่จะหย่ากับตน แม้กระนั้นคุณคิดไม่ถึงว่าเส้าชิงเป็นบุคคลที่สาม เส้าชิงโต้เถียงว่าตั้งแต่ต้น…บุคคลที่สามไม่ใช่ตนแม้กระนั้นเป็นเจียอัน เพราะเหตุว่าตนกับหยวนฮ่าวรักกันตั้งแต่เมื่อสิบปีกลาย ตนเลยมาทวงคู่รักของคนคืน
พ่อสื่อรักฉบับโชซอน (Flower Crew: Joseon Marriage Agency)
“มาฮุน” เป็นหัวหน้าทีมรวมทั้งยอดนักหาคู่ของโชชอน เขามีสายตาเฉลียวฉลาด พูดมาก หากแม้เป็นนักหาคู่เก่งสุดในโชชอนแม้กระนั้นเขากลับไม่เชื่อเรื่องโชคชะตาและก็ความรัก โดยเหตุนี้งานของเขาก็เลยไม่ใช่การตามหา ‘รักจริง’ ให้ลูกค้าแต่ว่าเป็นการช่วยหา ‘คน’ ที่สมควรมาครอบครองคู่ โดยเขาจะจัดแจงทุกๆอย่างให้แบบเบ็ดเสร็จตั้งแต่แมื่อการหาคู่ ทาบทาม ไปจนกระทั่งการจัดพิธีสมรส อื่นๆอีกมากมาย “โก ยองซู” เป็นที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์คนแรกของโชชอน เขาเป็นแฟชั่นนิสต้า ช่างแต่งหน้า ข้ารูด้านความสวยงาม และก็หัวหน้าเทรนด์ที่ทำให้ทุกหย่อมหญ้าในเมืองหลวงแปลงเป็นรันเวย์ ส่วน “โดจุน” เป็นสายข่าวดีที่สุดในฮันยาง (เมืองหลวง) เขาสมบูรณ์ทั้งยังรูปโฉมโนมพรรณ ปัญญา
วิชาความรู้ความรู้ความเข้าใจ กล่าวได้ว่าเป็นอัจฉริยะเกือบทุกด้านแม้กระนั้นถูกใจดื่มสุราเคล้าสตรี ซีรีย์จีน ถึงแม้ประพฤติเสมือนเพลย์บอยแม้กระนั้นเขามิได้สนุกสนานไปวันๆหน้าที่เขาเป็นการสืบความเป็นมารวมทั้งเก็บรวบรวมข่าวสารสำคัญในโชชอนลูกค้าคนสำคัญของสามชายหนุ่มที่สำนักหาคู่เป็นช่างเหล็กวัย 23 ปี นาม “คิมซู” เขาเพียรพยายามตื๊อฮุนให้ช่วยเป็นธุระจัดงานแต่งระหว่างเขากับ “มึงตง” ข้างหลังไม่ยอมรับตลอดมาด้วยเหตุว่าไม่เชื่อในความรักของทั้งสอง ท้ายที่สุดฮุนก็ยอมจัดงานแต่งให้ซูอย่างเสียมิได้ ทว่ายังไม่ทันเริ่มพิธีการเจ้าบ่าวก็ถูกลักพาตัวซะก่อน
ต่อไปซูก็เปลี่ยนเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ที่โชชอนในชั่วช้าข้ามคืน (ชื่อที่จริงจริงของเขาเป็น “ลีซู”) แม้กระนั้นซูก็ไม่บางทีอาจลืมรักแรกพบและก็รักเดียวใจเดียวของตนเอง หากแม้เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีเหล่านางกำนัลรายล้อม แม้กระนั้นเขามุ่งหมายที่จะครอบครองคู่กับสตรีที่ตนรักเพียงผู้เดียว เขาก็เลยว่าจ้างสำนักหาคู่ “กดพาดัง” ให้ช่วยในการเปลี่ยนมึงตงซึ่งมีสถานะต้อยต่ำให้ (ปลอมตัว) เป็นคุณหนูผู้มีฐานันดรศักดิ์ เพื่อจะได้เข้าวังมาอยู่ข้างกายตน ทว่าการแปลงโฉมเอ็งตงนั้นไม่ใช่ง่าย ซ้ำยังจำต้องฆ่าเป็นพนัน ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามึงตงมักใส่กางเกงและก็รวบผมแบบเพศชายเพื่อดำเนินการได้โดยสะดวก แถมคุณยังไม่มีซึ่งความเป็นกุลสตรีก็เลยมักถูกคนรู้ผิดรู้สึกว่าเป็นเพศชายบ่อย
ครั้นเมื่อจะต้องแปลงโฉมผู้ที่ราวกับเพศชายมากยิ่งกว่าเพศหญิงให้เปลี่ยนเป็นหนูน้อยที่สวยอีกทั้งรูปโฉมโนมพรรณรวมทั้งกริยาท่าทางมารยาท ผู้ที่ไม่สบายใจเยอะที่สุดคงจะหนีไม่พ้นฉันรูด้านความงดงามอย่างยองซูในคืนฝนปรอย องค์ชายรัชทายาทที่วงศ์สกุลโชชอนซึ่งถูกส่งไปเป็นตัวรับรองที่ต้าชิงนานนับสิบปีพึ่งเดินทางกลับมาถึงแผ่นดินแม่ โดยมีเหล่าเจ้าขุนมูลนาย ทหาร แล้วก็ข้ารับใช้ปริมาณหนึ่งมารอรับที่ท่าเรือท่ามกลางฝน อีกด้านหนึ่งในวังหลวง พระมเหสีกำลังร่ำไห้ข้างพระแท่นบรรทมเพราะเหตุว่าพระมหากษัตริย์ที่โชชอนใกล้สิ้นพระชนม์เหลือทน
ครั้นเมื่อได้ยินพระมหากษัตริย์เพ้อหาองค์ชายรัชทายาท เสนาซ้าย “คัง มงกู” (เสนาคัง) รีบทูลว่าองค์ชายรัชทายาทพึ่งจะเดินทางมาถึงท่าเรือก็เลยขอให้ท่านทรหดอดทนรอคอย ถ้าว่าองค์ชายรัชทายาทลงเรือได้ไม่นานก็ถูกกรุ๊ปฆาตกรลอบสังหารกึ่งกลางสะพาน ถือว่ายังโชคดีที่ธนูพลาดไปโดนหมวก ต่อจากนั้นเหล่ามือสังหารก็กระหน่ำยิงธนูใส่ทุกคนบนสะพานจนตายกระจัดกระจาย ทหารผู้อารักขาที่ติดตามรัชทายาทมาจากต้าชิงช่วยเหลือกันตั้งโล่กำบังแล้วพาองค์ชายรัชทายาทเดินฝ่าธนูเพื่อหนีขึ้นบก กรุ๊ปมือสังหารก็เลยบุกขึ้นมาบนสะพานแล้วกระโจนถีบโล่
เมื่อทหารผู้อารักขาเสียหลักล้มลงองค์ชายรัชทายาทเลยไม่มีที่ซ่อนและก็จำต้องประจันหน้ากับมือสังหาร ท่านก็เลยจับกระบี่บนพื้นขึ้นมาต่อสู้แล้วก็ฆ่ามือสังหารที่ขัดขวางตนข้างหลังพบว่าองค์ชายรัชทายาทหนีพ้นไปได้ “ฮยอน” (หัวหน้าทีมมือสังหาร) ก็เลยสั่งให้บริวารของตัวเองตามไล่ล่า ขณะหลบซ่อนเข้าไปในป่าทหารผู้อารักขาของรัชทายาททยอยถูกฆ่าอย่างทารุณโหดร้ายครั้งละคนสองคน เพียงพอไปถึงจุดที่ทหารจัดแจงม้าไว้ให้ ผู้พิทักษ์กรุ๊ปในที่สุดที่รอดตายก็เลยบอกให้องค์ชายรัชทายาทรีบหนีไป รัชทายาทยังไม่ทันขึ้นข้างหลังม้า เหล่าทหารผู้อารักขาก็ถูกลอบฆ่ากระทั่งหมดไป เมื่อองค์ชายรัชทายาทหันกลับไปมองดูก็พบว่าฮยอนซึ่งอยู่บนต้นไม้กำลังเล็งธนูมาที่ตน
ต่อไปลูกธนูก็พุ่งตรงไปที่อกทางซ้ายขององค์ชายรัชทายาท ซีรีย์จีน องค์ชายรัชทายาทหงายท้องลงไปนอนนิ่งแน่ในภาวะลืมตาค้าง ในขณะเดียวกันนั้นพระมหากษัตริย์ได้เรียกองค์ชายรัชทายาทก่อนสิ้นใจตายตาม พระมเหสีมองเห็นโดยเหตุนั้นก็เลยร้องไห้โฮ มหาเสนา “มา บงด็อก” (เสนามา) แอบยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนเสแสร้งเป็นร่ำไห้ ต่อไปในวังหลวงก็เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ระงม”มาฮุน” แอบเฝ้ามองคุณผู้ชาย “จาง อินซอง” ขณะกำลังล่าสัตว์ในป่า เขาได้ข้อมูลมาว่าคุณผู้ชายผู้นี้ อายุ 19 ปี เชื่อในโชคชะตา ไม่เห็นพ้องกับการสมรสแบบคลุมถุงชน (โดนจับคู่รัก) แต่ว่าฮุนรวมทั้งคณะทำงานกำลังจะจับคู่คุณผู้ชายผู้นี้กับหนูน้อย “ลี อึนยอง” เด็กหญิงวัย 17 ปีที่เชื่อเรื่องโชคชะตา
และไม่เห็นด้วยกับการสมรสแบบคลุมถุงชนเช่นเดียวกัน (“โดจุน” รับหน้าที่เฝ้าดูหนูน้อยอึนยอง) ครั้นเมื่อมีความคิดเห็นว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวตัวเป็นๆแล้ว ฮุนรวมทั้งพวกก็เลยสวมบทกามเทพโดยจัดฉากสร้างสถานการณ์เพื่อชักชวนสองวัยรุ่นให้มาเจอรักกึ่งกลางตลาด ข้างหลังฮุนส่งสัญญาณ โดจุนก็เลยหว่านเสน่ห์ใส่เพื่อนพ้องของหนูน้อยอึนยอง โดยการทำคราวเป็นอ้อนวอนก่อนพาทั้งคู่ (รวมทั้งผู้ติดตาม) ไปจากรอบๆดังกล่าวมาแล้วข้างต้น พอหนูน้อยอึนยองอยู่ตามลำพังคนเดียวฮุนก็เลยส่งสัญญาณบอก “โก ยองซู” ยองซูปลดปล่อยถังไม้ให้เกลือกลงมาตามถนนหนทางหมายให้พุ่งตรงไปที่หนูน้อยอึนยอง หนูน้อยอึนยองมองเห็นถังไม้เกลือกตรงมาหาตนก็ตระหนกตกใจจนกระทั่งก้าวเท้าไม่ออกรวมทั้งได้แม้กระนั้นยืนช็อค
ทันทีนั้นก็มีใครสักคนคว้าข้อมือแล้วช่วยดึงตัวคุณออกมา ที่จริงชายคนที่ใครๆก็รู้จักพูดอีกนัยหนึ่งคุณผู้ชายอินซอง ท้ายที่สุดสามชายหนุ่มก็ทำให้วัตถุประสงค์ครอบครองคู่กันเสร็จอีกอย่างที่เคยต่อจากนั้นผลงานของสามชายหนุ่มนักหาคู่ก็เป็นที่โจษขานไปทั่วเมือง เนื่องจากว่าฮุน โดจุน และก็ยองซู ล้วนเป็นหนุ่มรูปงาม พวกเขาก็เลยเป็นขวัญใจคนท้องถิ่น ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็มักมีผู้หญิงมารุมล้อมและก็เดินตามเป็นกระพรวน กระทั่งหนุ่มมองเห็นพวกเขาแล้วยังอดตะลึงงันมิได้ ช่างเหล็กนาม “คิมซู”
มองเห็นด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เลยถามพ่อค้าเร่ที่กำลังยืนเคลิ้มว่ากำเนิดอะไรสังกัดบรรดาผู้หญิงพอมีความคิดเห็นว่าซูไม่เคยทราบสามนักหาคู่รูปงาม พ่อค้าเร่คนที่ใครๆก็รู้จักกล่าวก็รู้สึกประหลาดใจ เขาชี้แจงว่าสามชายหนุ่มที่ทำให้ผู้หญิงหัวใจละลายเป็นกลุ่มผกา “กดพาดัง” พวกเขาเป็น “ผู้เฒ่าใต้แสงเดือน” รูปงามที่สุดในเมืองฮันยาง ซูโต้แย้งว่าพวกเขามองดูยังชายหนุ่มยังแน่น พ่อค้าเร่ก็เลยชี้ว่าตนคือเทวดาลิชิต หรือที่ยุคนี้เรียกว่านักหาคู่ซึ่งมีทั้งสิ้นสามคน แต่ละคนล้วนเป็นหนุ่มน้อยที่ไม่ธรรมดา
หวงเฟยหง นักสู้คู่คุณธรรม (Huang Fei Hong)
“หวงเฟยหง” เป็นปรมาจารย์กังฟูดินแดนใต้ที่ชำนิชำนาญทางด้านการแพทย์แผนโบราณ ตลอดชีพของเขาได้สร้างผลงานระดับตำนานเอาไว้จำนวนมาก เมื่อครั้งยังชายหนุ่มเขาได้ร่วมทำศึกทำสงครามนองเลือดที่ไต้หวัน โดยประสานมือกับ “หลิวหย่งฝู” ผู้บังคับบัญชากองทัพธงดำ และก็นักสู้ชนเผ่า “ไซ่เต๋อเค่อ” ต้านการรุกรานของประเทศญี่ปุ่นจนได้ชื่อว่าเป็นเลิศวีรบุรุษ ต่อไปเขาได้กลับไปที่กว่างโจว (หรือ “กวางเจา” เมืองเอกของบริเวณกวางตุ้ง) แล้วเปิดโรงหมอและก็ร้านขายยาชื่อ “เป่าจือหลิน”
หวังนำวิชาความรู้ทางด้านการแพทย์แผนจีนของตัวเองและก็วิชาความรู้ทางด้านการแพทย์แผนตะวันตกของ “หลิ่วหัวเซิง” มารักษาผู้คนในกว่างโจว เนื่องจากว่ามีความชำนิชำนาญทางด้านการแพทย์ ซ้ำยังเก็บค่ารักษาพยาบาลเพียงแค่น้อยนิด เขาก็เลยเป็นสุดที่รักและก็เลื่อมใสในกลุ่มประชาชน (โรงหมอเป่าจือหลินเลื่องลือจนกระทั่งแปลงเป็นตำนานเช่นเดียวกัน)
ข้างหลังเปิดโรงหมอหวงเฟยหงก็เลิกฝึกหัดกังฟูแล้วหันมาทุ่มเทกำลังกายกำลังใจให้กับการดูแลรักษาคนไข้ ซีรีย์จีน หมายให้ลืมความจำอันชั่วร้ายตอนทำศึกทำสงครามที่ไต้หวัน (เขามองเห็นญาติพี่น้องร่วมรบต่างพากันตาย ก็เลยรู้สึกไม่ถูกที่ไม่บางทีอาจคุ้มครองพวกเขาเหล่านั้น อีกทั้งรู้สึกกลัวเนื่องจากมีความคิดเห็นว่ากังฟูสู้อาวุธยุคใหม่มิได้) ข้างหลังพ่อให้ข้อคิดเตือนใจ
ประกอบกับประเทศกำลังพบเจอทั้งยังศึกนอกศึกใน เขาเลยอดไม่ได้ที่จะใช้วิชากังฟูรักษาความเที่ยงธรรม ถึงแม้จะต้องเสี่ยงอันตรายแม้กระนั้นหวงเฟยหงยังคงอุทิศตนเพื่อคุ้มครองผู้คนแล้วก็ชาติบ้านเมือง เมื่อวีรบุรุษสายดาร์กสมญานาม “เถียหม่าหลิว” (ลิงเหล็ก) ซึ่งลอบฆ่าข้าราชการหลอกลวง แสดงตัวอีกรอบ สองวีรบุรุษข้างธรรมะแล้วก็อธรรมเลยจำต้องประจันหน้ากันโดยไม่บางทีอาจหลบหลีก แม้กระนั้นโน่นกลับทำให้หวงเฟยหงเริ่มตาสว่าง อีกทั้งรู้เรื่องราวที่ปกปิดไว้เป็นความลับอันน่าตะลึงงันที่เกี่ยวข้องถึงความยั่งยืนมั่นคงของชาติ ตลอดจนราชบัลลังก์
รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ (The Sleuth of the Ming Dynasty)
ถังฟ่าน” เป็นเจ้าขุนมูลนายขั้นหก ตำแหน่ง “ทุยกวน” ประจำสำนักงานซุ่นเทียนฝู่ ถึงแม้เป็นเพียงแต่ตำแหน่งเล็กๆแต่ว่าเกียรติศักดิ์และก็ความรู้ความเข้าใจของเขาเป็นที่เลื่องลือ เพราะเหตุว่าเขาสอบเจ้าขุนมูลนาย (หน้าพระที่นั่ง) ได้เป็นอันดับต้นๆ โชคร้ายที่ฮ่องเต้มีความคิดเห็นว่าเขาอายุยังน้อยก็เลยไม่ตั้งให้เป็นตีหยวน จอหงวน เนื่องจากว่าเป็น ‘สายรับประทาน’ ถังฟ่านก็เลยมาดำเนินการตำแหน่งเล็กๆในซุ่นเทียนฝู่ หวังตรวจตราลองของกินรสเลิศในเมืองหลวงให้สมใจ ที่สำคัญ ผู้ว่าการซุ่นเทียนฝู่ (เจ้าขุนมูลนายขั้นสาม) นาม “พานปิน” ยังเป็นลูกศิษย์พี่ของเขา เขาก็เลยออกไปพบของกินรสเลิศทานยามว่างได้อย่างสบายอารมณ์
เมืองหลวงในรัชสมัย “จักรพัตราธิราชหมิงเศษไม้ต้อง” (พระราชาธิราชเฉิงฮว่า) ชื่อ “เป่ยจิง” (กรุงปักกิ่ง)ทุยกวน” เป็นชื่อตำแหน่งเจ้าขุนมูลนายในโบราณกาล มีบทบาทต่างๆนาๆในแต่ละวงศ์สกุล ในยุควงศ์สกุลหมิงตำแหน่งทุยกวนเป็นเสมือน ‘ผู้ช่วยผู้ว่าการ’ มีบทบาทไต่สวนแล้วก็วิเคราะห์คดีต่างๆให้ราษฎร ซึ่งโดยมากมักเป็นคดีความเรื่องหยุมหยิม (ในอดีตกาลสำนักงานของแต่ละเมือง/อำเภอจะรับเรื่องร้องเรียน สืบสวน และก็ตัดสินโทษด้วย เช่น ท่านเปาฯ ผู้ว่าการเมืองไคเฟิงในยุควงศ์สกุลซ่ง ที่ตัดสินโทษอย่างเที่ยงตรง)
ละครเปิดตัวขณะถังฟ่านมารับประทานอาหารช่วงเวลากลางวันที่ร้านค้าตงจักจี้ของ “ตงฉัน” หมายรับประทานอาหารรสเลิศ (เนื้อกระทะ) โดยก่อนหน้าที่ผ่านมาเขาได้บอกให้ทางร้านค้าคัดสรรวัตถุดิบและก็หมักเนื้อตระเตรียมไว้ให้ตามสูตรที่อยาก ข้างหลังทานเนื้อย่างอร่อยสุดในใต้หล้าได้เพียงแค่คำเดียว ข้าราชการสองนายของซุ่นเทียนฝู่ก็วิ่งเข้ามาชูจานชามเนื้อและก็เตาบนโต๊ะของถังฟ่านก่อนวิ่งหนีไป ถังฟ่านถือตะเกียบวิ่งตามตามข้าราชการทั้งคู่หมายทวงเนื้อแล้วก็เตาของตัวเองคืน พอตามมาถึงหน้าที่ว่าการเมืองซุ่นเทียนฝู่
ถังฟ่านก็เลยรู้สึกตัวว่าถูกพานปินบีบให้กลับมาดำเนินงาน ซีรีย์จีน พานปินออกตัวว่ามีคดีที่จะต้องสะสางอย่างเร่งด่วน ข้างหลังถามจนกระทั่งทราบว่าคดีทั้งผองไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ถังฟ่านก็เลยโวยวายพานปินที่ไม่ยินยอมให้ตนรับประทานอาหารช่วงเวลากลางวันอันโอชาก่อน พานปินชี้ว่าหากแม้เกิดเรื่องหมูหมากาไก่แม้กระนั้นคดีพวกนี้เกิดขึ้นในขณะเดียวกัน เขาเสนอให้ถังฟ่านกินไปฟัง (เรื่องร้องเรียน) ไป โดยคำสัญญาว่าจะเลี้ยงของกินเป็นการทดแทน
ถังฟ่านยอมเอาอย่างแต่ว่าโดยดี แล้วก็เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวล่ำเวลาเขาก็เลยบอกให้เหล่าบรรดาข้าราชการอ่านหนังสือร้องเรียนทั้งปวงให้ตนฟังพร้อม ถังฟ่านจับใจกับเนื้อย่างเยี่ยมรส พลางแยกโสตประสาทสำหรับในการยอมรับฟังเรื่องราวร้องเรียนที่เหล่าบรรดาข้าราชการนับสิบนายอ่านประสานเสียงแบบสนั่น (ต่างคนต่างอ่าน) ต่อจากนั้นเขาก็เริ่มพินิจพิจารณาเหตุการณ์สถานะการณ์ของแต่ละคดีแล้วก็ออกไปพิจารณาคดีที่โถงกึ่งกลาง ก่อนระบุตัวผู้ที่เป็นคนทำความผิดได้อย่างเที่ยงตรง (ถังฟ่านเป็นคนฉลาดมาก รู้มาก ชอบสังเกต แล้วก็ถี่ถ้วน) ต่อจากนั้นพานปินก็เลยรับไม้ต่อด้วยการบีบให้ผู้ที่ทำความผิดรับสารภาพ ก่อนตัดสินคดีแล้วก็ปิดคดี
อีกด้านหนึ่ง ผู้พิทักษ์เสื้อแพรนาม “สุยโจว” ได้ไปที่ห้องอาหารแห่งหนึ่งโดยใส่ชุดดำปิดบังฐานะและก็แอบซ่อนกระบี่คู่กายเอาไว้ในห่อผ้า ข้างหลังนั่งร่วมโต๊ะกับชายคนหนึ่งรวมทั้งสั่งอาหาร (กับเถ้าแก่) แล้ว สุยโจวก็เลยเปรยๆเรื่องอากาศ เขาบอกว่าถ้าหากปีนี้ฝนตกต้องตามฤดู ต้นหญ้าที่ขึ้นในดินแดนท้องทุ่งคงจะพอเพียงเลี้ยงโคและก็แกะตลอดตอนหน้าหนาว แบบนี้แล้วชนเผ่าหว่าล่า (เผ่าหนึ่งของมองโกล) อาจจะไม่บุกลงมาด้านใต้ (ซึ่งก็คือรุกรานต้าหมิง) เนื่องจากขาดของกินแล้วก็ต้นหญ้าอีก เหล่าทหารที่ประจำอยู่รอบๆชายแดนจะได้พักรบและไม่มีการสูญเสีย
ชายที่นั่งรับประทานอาหารเบื้องหน้าสุยโจวได้ยินแล้วเป็นมึน superslot285 แต่ว่าสุยโจวยังคงกล่าวต่อโดยร่ายประวัติความเป็นมาของทหารคนหนึ่งซึ่งรับใช้ชาติตั้งแต่อายุ 15 ต่อจากนั้นได้เลื่อนฐานะเรื่อยๆมารวมทั้งผ่านผู้กระทำรำศึกมาอย่างโชกโชน ถ้าว่าตอนอายุ 27 ได้ลอบฆ่าแม่ทัพ “แย้งหรูซวิน” ต่อจากนั้นก็เลยเปลี่ยนแปลงชื่อแซ่แล้วหนีออกนอกด่าน ก่อนเร้นกายมานานถึงสิบเอ็ดปี ชายคนเดิมถกเถียงว่าสุยโจวจำคนผิด แต่ว่าเพียงพอเห็นท่าทาง อาวุธ และก็รู้ดีว่าสุยโจวกล่าวกับเถ้าแก่ที่ยืนหั่นเนื้อหั่นผักอยู่ทางข้างหลัง เขาก็เลยจ่ายเงินค่าของกินไว้บนโต๊ะแล้วรีบเผ่นในทันที สุยโจวเรียกเถ้าแก่ว่า
“เจี่ยขุย” ก่อนพูดว่าตนสืบเสาะหาเขามานาน เมื่อมีความคิดเห็นว่าลูกชายตัวน้อยของเจี่ยขุยอยู่ในร้านค้า สุยโจวก็เลยเชิญเจี่ยขุยออกไปพูดจาทางภายนอกเจี่ยขุยออกไปคุยกับสุยโจวโดยไม่นำพาอาวุธติดมือไปด้วย ถึงแม้ตั้งอกตั้งใจมาจับแม้กระนั้นสุยโจวยังคงแนะนำตัวอย่างเรียบร้อยและก็ให้เกียรติ โดยบอกว่า ตนเป็น “ต้องฉี” ที่ “เป่ยเจิ้นฝู่ซือ” (เจิ้นฝู่ซือข้างเหนือ) นาม “สุยโจว”
เจี่ยขุยมองออกว่าสุยโจวเคยเป็นทหารในกองทัพมาก่อน ซีรีย์จีน สุยโจวสารภาพว่าตนเคยเป็นทหารรักษาชายแดนมานานสองปี ครั้นเมื่อมีความคิดเห็นว่าสุยโจวนำกำลังเดินทางมาเพียงแค่เจ็ดคนเจี่ยขุยก็รู้สึกประหลาดใจ ที่จริงสุยโจวตั้งอกตั้งใจมาจับแบบเป็นๆ เขารู้ดีว่าเจี่ยขุยเป็นคนมากมายความสามารถ แม้กระนั้นคนอย่างเจี่ยขุยเป็นไปไม่ได้ทิ้งลูกภรรยาแล้วหนีเอาชีวิตรอดเพียงลำพังแน่ รวมทั้งการหนีพร้อมลูกภรรยานั้นไม่ได้ง่าย พอทราบดีว่าสุยโจวไม่คิดรังแกลูกภรรยาตน เจี่ยขุยก็เลยยอมมอบตัว แต่ว่าไม่วายท้าสู้เนื่องจากว่าต้องการพิสูจน์ฝีมือสุยโจว